กรมทรัพย์สินทางปัญญา เน้นย้ำว่า ไม่มีใครเป็นเจ้าของสารสกัดจากกัญชาธรรมชาติ
คนไทยสามารถวิจัยและต่อยอดได้
สำหรับข้อกังวลที่ว่า การปลดล็อกกฎหมายเพื่อให้มีการวิจัยและพัฒนาการใช้กัญชา ทางการแพทย์ของไทยจะไม่มีประโยชน์เนื่องจากมีบริษัทต่างชาติได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติแล้วนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาเน้นย้ำว่า สารสกัดจากกัญชาซึ่งเป็นสารสกัดจากพืช จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายสิทธิบัตรไทย นั่นหมายถึง จะไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด เป็นเจ้าของสิทธิในสารสกัดจากกัญชาตามธรรมชาติ ตามกฎหมายสิทธิบัตร ทุกคนในประเทศไทยมีสิทธิที่จะวิจัยและนำมาใช้ประโยชน์ได้
การวิจัยและพัฒนาในผลิตภัณฑ์ยาที่มีพื้นฐานจากสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติ เช่น ตำรับยา (องค์ประกอบที่มีหลายส่วนผสมซึ่งมีสารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนผสมหนึ่งในนั้น)หรือสารสังเคราะห์ชนิดใหม่ที่ดัดแปลงจากสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติจนมีฤทธิ์ทางยาเหนือกว่าสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติ รวมถึงวิธีการพัฒนาสายพันธุ์พืชกัญชาเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมและให้ความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นแนวทางที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน การปลดล็อกให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ดังกล่าว จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการสร้างโอกาสที่จะทำให้นักวิจัยไทยพัฒนาองค์ความรู้เพื่อใช้ในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ยาที่มีพื้นฐานจากสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติ ซึ่งนักวิจัยไทยยังสามารถนำการประดิษฐ์ เช่น ตำรับยา สารสังเคราะห์ชนิดใหม่ หรือวิธีการพัฒนาสายพันธุ์พืชกัญชา จากการวิจัยของตน มาขอจดสิทธิบัตรได้อีกด้วย อันจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยา
ทั้งนี้ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า การพิจารณาคำขอที่เกี่ยวกับสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติดังกล่าว กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะดำเนินการตามกฎหมายสิทธิบัตรด้วยความรอบคอบรัดกุมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และยินดีเปิดรับข้อมูลและหลักฐานทางวิชาการจากทุกภาคส่วนเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อให้ระบบสิทธิบัตรของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และจะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
1368สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา
รองรับการทำงานบน Microsoft Edge , Firefox , Safari , Chrome , Opera และรองรับการแสดงผลบน Mobile Devices
สงวนลิขสิทธิ์ © 2564 กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์